รายได้ที่ดีจากหลักรายหมื่นไปจนถึงหลักแสน บวกกับการทำงานที่เหมือนได้ไปท่องเที่ยวในตัว คนส่วนใหญ่ที่รักการถ่ายรูปและสนใจงานบนเรือสำราญจึงอยากจะเข้ามาทำอาชีพ "ช่างภาพบนเรือสำราญ" กันอย่างมากมาย เพื่อหวังเติบโตในสายงานตามรอยคนที่เคยไปและประสบความสำเร็จกลับมา เพราะงานเรือสำราญเป็นงานที่มีดีมากกว่าเงินเดือน และข้อดีเหล่านั้นก็ทำให้เกิดช่างภาพไทยบนเรือสำราญขึ้นมารุ่นต่อรุ่น
1.เงินเดือน
ปัจจัยเรื่องเงินคงเป็นปัจจัยแรกในการตัดสินใจ ทั้งสิ่งที่อยากได้ ความฝันที่อยากจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม และความฝันนั้นอาจไม่เกิดขึ้นถ้ายังอยู่เมืองไทย เพราะงานต่างประเทศที่มีรายได้สูงกว่าเมืองไทยก็ตอบโจทย์ในข้อนี้ โดยเฉพาะงาน "ช่างภาพบนเรือสำราญ" ที่เป็นงานถูกกฎหมาย และสามารถไปทำได้จริงๆ โดยเงินเดือนเริ่มต้นของคนที่ขึ้นไปเป็นช่างภาพก็จะเริ่มต้นอยู่ที่ 1,150 $ หรือราวๆ 35,900 บาท ไม่รวมค่าคอมมิชชั่นหรือโบนัสอื่นๆ ที่เราสามารถทำได้ และหากผ่านโปรก็จะได้ปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นอีก
เป็นจำนวนเงินเดือนเริ่มต้นที่หาไม่ได้เมื่ออยู่เมืองไทย และมีแต่จะได้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตที่ไม่ต้องเสียเพิ่ม ทั้งค่าที่พัก ค่าอาหาร ที่ทางเรือจะมีเตรียมไว้ให้พนักงานอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ใช้เงินฟุ่มเฟือยในการซื้อของ หลังทำงานจบหนึ่งแทรคก่อนพักกลับบ้าน เงินเก็บหลักแสนก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริง
2.สวัสดิการ
ส่วนใหญ่เงินเดือนในแต่ละตำแหน่งของเรือสำราญนั้นจะไม่หนีกันมาก แต่สิ่งที่ต่างจริงๆ คือสวัสดิการมากกว่าที่จะได้ไม่เหมือนกัน แต่หลักๆ แล้วก็จะเป็น การดูแลเรื่องตั๋วเครื่องบิน เวลาที่เราต้องการเดินทางกลับบ้านในวันหยุด หรือมีเหตุฉุกเฉินจำเป็น การดูแลรักษาจากหมอประจำเรือ หรือในกรณีที่ป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาล บริษัทเรือจะเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายให้ ซึ่งต้องบอกก่อนว่า โรงพยาบาลในต่างประเทศนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก แค่นอนไม่กี่อาทิตย์ก็อาจเท่ากับเงินเดือนเราทั้งแทรคด้วยซ้ำ แต่บริษัทเรือก็จะดูแลค่าใช้จ่ายตรงนี้ให้ทั้งหมด
ห้องพักที่พนักงานเข้าพักนั้นจะจะมีคนมาคอยทำความสะอาดให้อยู่เสมอ ส่วนบนเรือนั้นจะมีอาหารให้ตลอด 24 ชม. แบ่งเป็น 4 มื้อ หลัก คือ เช้า กลางวัน เย็น ค่ำ อาจจะมีวันปาร์ตี้ให้พนักงานที่เหนื่อยจากการพักผ่อนบ้างเล็กน้อย
3.ค่าคอมมิชชั่น
สินค้าของช่างภาพคือรูปถ่าย ถ้าเราสามารถขายแพคเก็จรูปถ่ายให้กับลูกค้าได้ ก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นจากการขายนั้นๆ การเป็นช่างภาพจึงไม่ใช่เพียงแค่ถ่ายรูปเก่งอย่างเดียว แต่ต้องขายเก่งด้วย ทำยังไงให้ลูกค้าพอใจกับคำพูดและผลงานถ่ายรูปของเรา ลักษณะภายนอกที่ดูเป็นมิตรทำให้ลูกค้าผ่อนคลายจนไม่รู้สึกว่านี่คือการเสนอขายเกินไป ช่างภาพจึงต้องฝึกสิ่งนี้อยู่เสมอ และเมื่อทำงานจนมีประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น ค่าคอมมิชชั่นที่ได้รับจากการขายก็จะมีเปอร์เซนต์เพิ่มขึ้นเช่นกัน
4.ได้ท่องเที่ยว
ในแต่ละเที่ยวของการทำงานเราจะได้ประจำเรือสำราญไม่เหมือนกัน และแต่ละลำจะมีเส้นทางการเดินเรือที่ต่างกัน ทำให้แต่ละครั้งที่เราได้ออกไปทำงานเป็นเหมือนการท่องเที่ยวไปในตัว ตลอดการเดินเรือจะมีจุดแวะพักสำหรับให้แขกลงไปเที่ยว ซึ่งนั่นถือเป็นช่วงพักที่เราจะได้ไปเที่ยวชมสถานที่เช่นกัน ทำให้แต่ละทริปที่เราประจำนั้นเป็นเหมือนการเปิดโลกการท่องเที่ยวที่หลากหลาย และประสบการณ์การทำงานที่เพิ่มมากขึ้นจากผู้คน
หลังจากได้อ่านบทความนี้แล้วคงจะสนใจตำแหน่ง "ช่างภาพอาชีพบนเรือสำราญ" ขึ้นมาบ้างคน หากใครต้องการทราบละเอียดเกี่ยวกับอาชีพนี้ หรือสนใจอยากไปทำงาน THCL Academy มีหลักสูตรที่เปิดสอน สำหรับช่างภาพที่ต้องการไปทำงานบนเรือสำราญโดยเฉพาะ จากอาจารย์ที่มีความรู้เรื่องการถ่ายภาพ และเคยมีประสบการณ์การทำงานบนเรือสำราญมาแล้ว พร้อมสอนภาษาอังกฤษ และติวเข้มแนวทางข้อสอบที่ต้องใช้ในการคัดเลือก รวมถึงแนะแนวการเตรียมตัวสำหรับขึ้นไปทำงานบนเรือสำราญ
สนใจดูรายละเอียดและค่าใช้จ่ายหลักสูตร
เพิ่มเติมได้ที่ 👉 www.thclacademy.com
หรือโทรสอบถาม 061 247 6464
Line @THCLacademy
หรือ Inbox มาที่เพจ THCL Academy
Comments